"Super Mario Bros"(ซุปเปอร์ มาริโอ้ บรอส) หรือที่คนไทยเรียกสั้นๆ ว่า มาริโอ้ เป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของค่ายเกม Nintendo กว่า 30 ปีที่เกมนี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างภาคต่อในทุก platform ของ Nintendo และมี product ที่สร้างจากคาแรกเตอร์ในเกมอีกมากมาย
ในที่สุดก็ได้เวลาที่เกมนี้จะออกจากจอมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง โดยการเปิดตัวสวนสนุกธีมพาร์ค "Super Nintendo World" มูลค่าราว 550 ล้านดอลลาร์ฯ ขึ้นที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันของ Nintendo และ Universal Studio และธีมพาร์คนี้ก็อยู่ใน Universal Studio Japan แต่เป็นอีกส่วนที่แยกออกมา
ทาง Universal Studio และ Nintendo แถลงว่า “ตัวละครต่างๆ ของ Nintendo และโลกในเกมที่ตัวละครเหล่านั้นอาศัยอยู่ จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยคุณภาพสูงสุด โดยความร่วมมืออย่างเต็มที่จาก Miyamoto Shigeru และทีมครีเอทีฟของ Nintendo ตลอดจน Mark Woodbury ประธาน Universal Creative ที่มีชื่อเสียงด้านความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคที่ยอดเยี่ยม”
ทุกสิ่งที่ปรากฎในสวนสนุกแห่งนี้ ล้วนถอดแบบมาจากเกมซุปเปอร์ มาริโอ้ทั้งสิ้น และเทคโนโลยีที่ใช้ในสวนสนุก ก็เป็นการสร้างภาพเสมือนจริงด้วย AR (Augment Reality) โดยผู้มาเที่ยวสนุกและเข้าเล่นเกม จะสามารถปฏิสัมพันธ์ (interactive) กับเกมได้ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางสวนสนุกติดตั้งให้ เช่น แว่น และสายรัดข้อมือ
โดย "สายรัดข้อมือ"(Power Up Bands)เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะเชื่อมต่อข้อมูลการเล่นเข้ากับแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนของผู้เล่น ทั้งในการเก็บไอเทม การปั๊มสแตมป์คาแรกเตอร์ต่างเพื่อรับเหรียญทอง ฯลฯ
Mario Cafe&Store
คือร้านค้าในธีมมาริโอที่ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ที่ดูน่าถ่ายรูปไปหมดทุกมุม และตั้งอยู่ในส่วนของ Universal Studio ก่อนเข้าไปยังธีมพาร์ค นอกจากเครื่องดื่มและขนมที่มีเฉพาะคาเฟ่แห่งนี้อย่าง Princess Peach’s Peach Soda, Mario’s Strawberry Soda ,Luigi’s Green Apple Soda ,Mario’s Cap Strawberry Shortcake
หรือ Luigi’s Cap Grape No-Bake Cheesecake แล้ว ในส่วนของ Store เองก็ตกแต่งด้วยธีมมาริโอ้ทั้งหมด และมีของกิ๊ฟช็อปอย่างเช่น เคสโทรศัพท์ พวงกุญแจ ปากกา แก้วน้ำ ฯลฯ ที่สำคัญ ตรงนี้ยังเป็นจุดจำหน่าย “สายรัดข้อมือ” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการจะมีสนุกสนานเต็มที่กับธีมพาร์คดังนั้น ก่อนจะเข้าไปธีมพาร์ค จะต้องซื้อสายรัดข้อมือที่ร้านนี้ก่อน
Enter to Super Nintendo World
แค่ทางเข้าของสวนสนุกก็สร้างความตื่นเต้นเสียแล้ว เพราะเป็น"ท่อวาร์ป"ขนาดยักษ์ไปสู่อาณาจักรเห็ด(Mushroom Kingdom) พอเดินผ่านเข้าไปก็จะได้พบกับสวนสนุกสีสันสดใสราวกับถอดออกมาจากเกมซุปเปอร์ มาริโอ้ มีทั้งกระถางต้นพิรันย่ายักษ์จอมเขมือบ บล็อคเหรียญ เสาธงที่อยู่บนยอดเนิน และคาแรกเตอร์มากมายจากเกม ทุกอย่างเต็มไปด้วยสีสันละลานตา จนไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหนดี
Mario Kart Koopa 's Challenge
นี่เป็นส่วนเครื่องเล่นส่วนแรกที่ทุกคนควรจะมา เพราะจะได้รับประสบการณ์ความสนุกสนานอย่างเต็มที่ ก่อนจะไปสำรวจส่วนอื่นๆ แม้จะเป็นการนั่งรถ Kart เหมือนในเกม Mario Kart แต่แตกต่างออกไปตรงที่มีการใช้เทคโนโลยี AR ผ่านแว่น Hololens ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นได้ interactive ร่วมไปกับการนั่งรถ Kart เช่น สามารถยิงศัตรูได้ นับเป็นการผสมผสานเทคโนโลยี AR เข้ากับเครื่องเล่นได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ โดย Shigeru Miyamoto ผู้ออกแบบเกม อธิบายว่า เทคโนโลยี AR เหมาะสมกับเครื่องเล่นนี้มาก มันทำให้คนเล่นสามารถปฏิบัติสัมพันธ์กับเกมส์ได้มากกว่าการเล่นเกมในแบบอื่น ๆ
Yoshi's Adventure
เป็นขบวนรถเลื่อนที่จะเคลื่อนที่ช้า ๆ ไปรอบธีมพาร์ค เมื่อเจอไข่โยชิสีอะไรก็ให้กดปุ่มสีนั้นๆ เครื่องเล่นนี้น่าจะเป็นส่วนที่เหมาะกับเด็กเล็กมากที่สุด รวมทั้งผู้ที่ต้องการถ่ายภาพหรือคลิป ก็จะได้ภาพสวยๆ จากมุมสูงรอบด้านด้วย
Play Ground
หมายถึงพื้นที่เกือบทั้งหมดของธีมพาร์ค ซึ่งเต็มไปด้วยฉากและพร็อพจากเกมซุปเปอร์มาริโอ้ มี interactive point มากมายหลายจุด ที่สามารถเล่นเกมและสะสมแต้มได้ โดยใช้ “สายรัดข้อมือ” ซึ่งด้านหลังสายรัดจะมี QR code เพื่อให้เราสแกนและเชื่อมต่อกับแอพของธีมพาร์คที่เราโหลดมาไว้ในสมาร์ทโฟน จากนั้นเมื่อเราเล่นเกมตามจุดต่างๆ เช่น ชกบล็อก ก็จะได้รับเหรียญสะสม โดยผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะขึ้นชื่อโชว์บนบอร์ดทั่วธีมพาร์ค
Kinopio's Cafe
เป็นศูนย์อาหารของธีมพาร์คแห่งนี้ ซึ่งทุกเมนูจะดีไซน์ออกมาให้เข้ากับธีมพาร์คและยังมี "หน้าต่างครัว" ซึ่งเป็นอนิเมชั่นเกี่ยวกับ เหล่าพ่อครัวชาวเห็ด(Chefe Toad) กำลังขะมักเขม้นปรุงอาหารเพื่อนำมาเสิร์ฟให้กับผู้มาใช้บริการ ทำให้รู้สึกว่า เรากำลังทานอาหารจากฝีมือการปรุงของพวกเขาจริงๆ
1 up Factory
เป็นส่วนของที่ระลึกจากธีมพาร์ค ซึ่งเน้นที่คาแรกเตอร์ต่างๆ เช่น เสื้อยืด ตุ๊กตา หมวก และน่าดึงดูดให้เสียเงินมากกว่า Mario Cafe&Store ที่เป็นของกิ๊ฟช็อป คือถ้ามาถึงที่นี่แล้ว อย่างน้อยที่สุดคุณก็ต้องไม่พลาดที่จะซื้อหมวกมาริโอ้สักใบ แต่ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของมาริโอ้ ก็มีสิทธิ์กระเป๋าฉีก เพราะมันน่าซื้อไปหมดทุกอย่าง
บัตรเข้าธีมพาร์คมีราคาอยู่ที่ 7,800 เยน(2,249 บาท) ในวันธรรมดา และ 8,400 เยน(2,422 บาท) ในวันหยุด แม้ช่วงนี้ โควิท-19 จะยังระบาด แต่ธีมพาร์คก็เปิดทำการตามปกติ แต่การเข้าชมต้องจองคิวผ่านเว็บไซต์ https://www.usj.co.jp/web/en/us เพราะมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละรอบ
เก็บตังค์กันไว้ก่อน ญี่ปุ่นเปิดประเทศเมื่อไร แฟนๆ มาริโอ้ชาวไทย คงได้จัดทัวร์ไปเที่ยวกันแน่ ๆ
https://www.usj.co.jp/web/en/us/areas/super-nintendo-world
https://super-nintendo-world.usj.co.jp/en/us/home
https://www.japantimes.co.jp/news/2021/03/18/business/corporate-business/mario-super-nintendo-world/