จุดด่างดำรอบปากอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ มันอาจทำให้คุณรำคาญใจ
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะคุณสามารถกำจัดมันได้ แค่เลือกวิธีที่เหมาะสมกับคุณเท่านั้น
วิธีที่ 1 วิเคราะห์สาเหตุ
1.มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เหตุใดคุณจึงมีรอยด่างดำรอบปาก
จุดด่างดำเหล่านี้มีสาเหตุมาจาก สาร"เมลานิน"ในผิวหนังที่เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ
ทำให้ผิวคล้ำในบางบริเวณ เมลานินถูกกระตุ้นได้จากภายในและภายนอก เกิดภาวะผลิตเม็ดสีมากกว่าปกติ (hyper-pingmentation) ซึ่งอาจเกิดจากการโดนแดด ,การเกิดฝ้า และการอักเสบของผิวหนัง
ฝ้าแดด : จุดสีน้ำตาลเข้มเหล่านี้อาจใช้เวลานเป็นเดือน หรือเป็นปี กว่าจะปรากฎออกมา และยังไม่จางหายไปง่ายๆ ด้วย ยกเว้นว่าคุณจะหมั่นรักษาด้วยครีมและสครับ
(นี่คือเหตุผลที่คุณควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ)
ฝ้า : ฝ้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการคุมกำเนิดหรือการตั้งครรภ์ เมื่อมารวมกับแสงแดด ฝ้าจึงอาจปรากฎขึ้นที่แก้ม หน้าผากและริมฝีปากบนได้ แม้คุณจะรักษาหายไปแล้ว มันก็อาจกลับมาอีก
ผิวคล้ำหลังการอักเสบ : หลังผิวถูกเสียดสีหรือเกิดอักเสบใดๆ อาจหลงเหลือจุดด่างดำบนผิวของคุณ โดยเฉพาะคนที่ผิวสีเข้ม ในกรณีนี้ เมลานินจะอยู่ลึกลงไปในผิวหนังของคุณ และจุดด่างดำอาจใช้เวลา 6-12 เดือนจึงจะจางลงไป
2.พิจารณาสภาพภูมิอากาศ ในฤดูหนาวผิวรอบปากของคุณจะแห้งกว่าปกติ บางคนจะเคยชินในการเลียปากเพื่อให้ชุ่มชื้น แต่หากคุณไม่ได้รับแดดบ่อยนัก คุณก็อาจทำให้รอบปากคล้ำลงได้
3.ตระหนักว่า สภาพผิวรอบปากนั้นบาง ปัญหาเรื่องจุดด่างดำจะไม่ได้ลงลึกถึงผิวหนัง ดังนั้นอาจไม่ต้องรักษามาก เพราะผิวสามารถผลัดเซลล์ทำให้รอยด่างหายไป
4.พบแพทย์ผิวหนัง หากคุณไม่แน่ใจในสาเหตุของการเกิดรอยคล้ำรอบปาก แพทย์ผิวหนังจะวินิจฉัยและแนะนำวิธีรักษาให้คุณ การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังอาจเป็นสัญญาณเตือนของความผิดปกติเช่นมะเร็งและโรคอื่นๆ ได้ จึงควรให้แพทย์ตรวจอย่างละเอียด
วิธีที่ 2 การใช้ครีม สครับ และใช้ยาตามใบสั่งแพทย์
1.ขัดผิวทุกวันด้วยผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้าอยางอ่อนโยน
การขัดผิวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และช่วยให้บริเวณที่คล้ำรอบปากของคุณจางลง คุณสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวได้ทั้งแบบกายภาพ(อุปกรณ์ขัดผิวต่างๆ)และทางเคมี(สครับ ครีม น้ำยา ฯลฯ) โดยผลิตภัณฑ์ด้านเคมีจะสามารถรักษาสีผิวเข้มได้ดีกว่าเนื่องจากไม่ได้กระตุ้นผิว ดังเช่นการใช้อุปกรณ์ขัดผิวซึ่งอาจทำให้เกิดการเสียดสีทั้งอุปกรณ์ขัดผิวและสครับต่างๆ คุณสามารถหาซื้อได้ตามห้างร้านทั่วไป แต่ควรอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ อาจมีสครับบางตัวที่สามารถรักษาสภาพผิวที่เหมาะกับคุณมากกว่าตัวอื่นๆ
2.ใช้ครีมปรับสีผิวที่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
คุณสามารถหาผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสีผิวให้กระจ่างใสได้ในร้านผลิตภัณฑ์เสริมความงามหรือร้านขายยา โดยหาครีมที่มีวิตามินซีกรดโคจิก(สกัดจากเชื้อราบางชนิด),อาร์บูติน(สกัดจากต้นแบร์เบอรี่),กรดอะเซลิก(ได้จากข้าวสาลี ข้าวบาเลย์ และข้าวไรย์),สารสกัดชะเอม,ไนอาซินาไมด์ หรือสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สิ่งเหล่านี้ มีส่วนผสมช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิส ซึ่งเซลล์ผิวของคุณต้องใช้ในการสร้างเมลานิน ให้คุณเกลี่ยครีมบางๆ ให้ทั่วปาก ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้งาน และอย่าใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้นานเกินว่าสามสัปดาห์ (กรดโคจิกอาจทำให้ผิวบอบบางระคายเคืองได้ ควรระวัง/หากคุณเป็นโรค celiac หรือแพ้กลูเตน ให้หลีกเลี่ยงการใช้กรดอะเซลิก)
3.ลองใช้ครีมที่ต้องสั่งโดยแพทย์
หากจุดด่างดำของคุณไม่หายไป ลองไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับครีมที่มีส่วนผสมของยาเช่น ไฮโดรควิโนน ซึ่งจำกัดเซลล์สร้างเม็ดสีและชะลอการผลิตไทโรซิเนสของผิว เมื่อการผลิตเม็ดสีลดลง จุดด่างดำก็มักจะหายไปอย่างรวดเร็ว การศึกษาในสัตว์ทดลองมักเชื่อมโยงไฮโดรควิโนนกับมะเร็ง แต่สัตว์เหล่านั้นได้รับอาหารและฉีดยา
แต่การรักษาในมนุษย์จะเป็นการใช้เฉพาะที่และไม่มีงานวิจัยใดที่ชี้ให้เห็นความเป็นพิษเมื่อใช้กับมนุษย์ การใช้ครีมที่สั่งโดยแพทย์ จะทำให้ผิวของคุณขาวขึ้นภายในไม่กี่วัน และภายใน 6 สัปดาห์จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน หลังการรักษาคุณสามารถเปลี่ยนไปใช้ครีมที่ไม่ต้องสั่งโดยแพทย์
4.ลองรักษาด้วยเลเซอร์
การใช้เลเซอร์เช่น Fraxel เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมาก ที่จะทำให้สีผิวกลับมาใกล้เคียงกันแต่ก็ไม่ได้ถาวรเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของคุณเมื่อได้รับรังสี UV และการดูแลผิวของคุณด้วย นอกจากนี้ การรักษาด้วยเลเซอร์มักมีราคาแพงกว่าการรักษาแบบอื่น
5.ลองใช้การลอกผิวด้วยกรดไกลโคลิก หรือกรดซาลิไซลิก
แพทย์อาจแนะนำให้ลองลอกผิวด้วยกรดไกลโคลิกหรือกรดซาลิไซลิก เพื่อรักษาเซลล์ที่ถูกทำลายที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง แต่การรักษาแบบนี้ไม่ถาวร ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของคุณและปริมาณ UV ที่คุณได้รับ จุดด่างดำอาจกลับมาอีก หากรักษาด้วยวิธีนี้แล้ว ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด สวมแว่นกันแดด ทาครีมกันแดดจะป้องกันการ กลับมาของจุดด่างดำได้ยาวนานขึ้น
วิธีที่ 3 ใช้วิธีการรักษาแบบธรรมชาติ
1.ทำให้ผิวของคุณกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติด้วยน้ำมะนาว
โดยผสมน้ำมะนาว 1/4 ช้อนโต๊ะกับโยเกิร์ตหรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะให้เข้ากัน แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขนก่อน จากนั้นนำส่วนผสมมาเกลี่ยให้ทั่วบริเวณที่เป็นจุดด่างดำ ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่นอย่างเบามือ หรืออีกวิธีหนึ่ง คือใช้ make up pad ซับน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะที่ผสมน้ำตาล แล้วขัดบริเวณที่คล้ำ ประมาณ 2-3 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำ การรักษาที่เข้มข้นกว่านั้นคือ ฝานมะนาวเป็นซีก แล้วบีบลงบนจุดที่คล้ำ ทิ้งไว้ 10 นาทีจึงล้างออก แต่ให้ทำวิธีนี้ในตอนกลางคืน ซึ่งไม่โดนแสงแดด จึงจะเห็นผล
2.ใช้ว่านหางจระเข้
เกลี่ยเจลว่านหางจระเข้หรือวุ้นสดจากการตัดใบ ทาในบริเวณที่คล้ำจะทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและทำให้สีคล้ำจากแดดจางลงได้
3.ผสมแตงกว่าขูดและน้ำมะนาว
ใช้ส่วนผสมทั้งสองอย่างเท่าๆ กัน ผสมให้เข้ากัน แล้วเกลี่ยส่วนผสมโปะไว้รอบปาก
ทิ้งไว้ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยให้ผิวของคุณมีสุขภาพดี
4.ใช้แป้งและขมิ้นพอกหน้า
ใช้แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ ผงขมิ้น 1/2 ช้อนชา โยเกิร์ตครึ่งถ้วย ผสมให้เข้ากัน
เกลี่ยส่วนผสมลงบนจุดด่างดำ ทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
5.ใช้สครับข้าวโอ๊ต
ผสมข้าวโอ๊ต 1 ช้อนชา น้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนชา โยเกิร์ต 1 ช้อนชาให้เข้ากัน
ถูกสครับเบาๆ ลงบนผิวตรงจุดด่างดำโดยใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที ทิ้งไว้อีก 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่า
ลิ้งค์บทความ
https://www.wikihow.com/Get-Rid-of-the-Dark-Area-Around-the-Mouth