คุณอาจเคยได้ยินคำว่า "วีแกน"(Vegan) แล้วสงสัยว่า ต่างจากมังสวิรัติ(Veggie) อย่างไร ? อธิบายอย่างย่อที่สุด มังสวิรัติ คือการไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น นม เนย ไข่ น้ำผึ้ง ได้ ซึ่งวีแกน ก็ไม่ทานเนื้อสัตว์เช่นเดียวกับมังสวิรัติ แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น วีแกนจะไม่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์อย่าง นม เนย ไข่ น้ำผึ้ง เลย รวมทั้งไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ทำมาจากสัตว์ หรือทำการทดลองกับสัตว์ด้วย
ผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ว่านี้ คือทุกชนิดจริงๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ สบู่ ยาสีฟัน ยารักษาโรค ฯลฯ อะไรก็ตามที่ทำมาจากสัตว์ หรือ ทดลองกับสัตว์ พวกวีแกนจะงดเว้นทั้งหมดจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น วีแกนบางคน ยังต่อต้านการทำอาหารที่ใช้เนื้อสัตว์ รวมทั้งคนที่ทานเนื้อสัตว์ บางคนจึงมองว่า วีแกน เป็นเสมือนลัทธิความเชื่อบางอย่าง
เพราะวิธีคิด วิธีใช้ชีวิตดูจะสุดโต่งเมื่อเทียบกับวิถีชีวิตของคนทั่วไป
คำว่า "วีแกน"(vegan) มีการใช้เป็นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1944 โดย โดนัลด์ วัตสัน
ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมวีแกน (The Vegan Society) ในอังกฤษ ซึ่งเขาให้ความหมายว่าเป็น "มังสวิรัติ ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากนม" ต่อมาในปี 1945 ก็ได้เพิ่มนิยามว่า "รวมทั้งไข่ น้ำผึ้ง นมจากสัตว์ เนย และชีส" และในปี 1951 ก็ได้กำหนดให้แนวทางของวีแกนคือ หลักคำสอนที่ว่า “มนุษย์ควรมีชีวิตอยู่โดยไม่แสวงหาประโยชน์จากสัตว์" ซึ่งกลายเป็นคำสอนที่ครอบคลุมการใช้ชีวิตมากกว่าแค่การบริโภค
หลายสิบปีหลังจากการก่อตั้งสมาคมวีแกน ผู้สนใจเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นวีแกนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2010 เป็นต้นมา มีผู้เปลี่ยนมาใช้วิถีชีวิตแบบวีแกนเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งในอังกฤษ ในสหรัฐฯ และในหลายประเทศทั่วโลก โดยในปี 2018 มีการประมาณการว่า มีชาววีแกนในสหรัฐฯ ราว 16 ล้านคน และในอังกฤษราว 3.6 แสนคน คนดังระดับโลกหลายคน เช่น เจมส์ คาเมรอน(ผู้กำกับ) ,นาตาลี พอร์ทแมน(นักแสดง),วีนัส วิลเลี่ยม(นักเทนนิส),อารีอานน่า แกรนเด(นักร้อง) ก็ประกาศว่าตนเองเป็นวีแกน
เมื่อผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนวิถีการบริโภค-การใช้ชีวิต ย่อมเกิดความเปลี่ยนแปลงต่อระบบเศรษฐกิจ ร้านอาหารวีแกน และผลิตภัณฑ์สำหรับชาววีแกน เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากกลายเป็นตลาดใหม่ของอุตสาหกรรมอาหารที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่แนวโน้มการบริโภคเนื้อสัตว์ทั่วโลกก็ลดลงมากกว่า 56%
แนวคิดในการเป็นวีแกน จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพ แต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อโลกด้วย เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากในแต่ละปี รวมทั้งยังเป็นต้นตอของโรคระบาด และปัญหาสุขภาพของผู้บริโภคเนื้อสัตว์อีกด้วย
ในทางการแพทย์ การงดเว้นเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อแดงอย่างเนื้อหมูและเนื้อวัว
และทานผักผลไม้เป็นประจำ มีส่วนช่วยให้สุขภาพดีขึ้น เนื่องจากจะช่วยให้ลำไส้สะอาด ระบบย่อยอาหารจะทำงานดีขึ้นมาก น้ำหนักลดลง ระบบภูมิคุ้มกันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลายคนที่มีปัญหาสุขภาพ เมื่อเปลี่ยนมาทานมังสวิรัติหรือวีแกน จึงมีสุขภาพที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตให้เป็นวีแกนนั้น หากเป็นผู้ที่กินมังสวิรัติมาระยะหนึ่ง การปรับเปลี่ยนเพิ่มความเข้มงวดขึ้น อาจไม่ยากนัก แต่หากคนที่เคยใช้ชีวิตแบบปกติ การจะเปลี่ยนมาเป็นวีแกนต้องปรับตัวหลายอย่าง เพราะไม่ใช่แค่การงดทานเนื้อสัตว์ แต่รวมถึงทุกอย่างที่ทำจากนม เนย ไข่ น้ำผึ้ง ฯลฯ ซึ่งจำเป็นต้องทานถั่วหรืออาหารวีแกนอื่นๆ ที่จะเสริมให้ร่างกายได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอด้วย ส่วนการเปลี่ยนวิถีชีวิตไปใช้สิ่งของที่ไม่ได้ใช้แรงงานสัตว์ หรือทำจากสัตว์ เป็นเรื่องที่ต้องการทำศึกษา และต้องใช้เจตนารมณ์ที่แน่วแน่พอสมควร
การเป็นวีแกนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ปัจจุบันมีข้อมูลให้ศึกษามากมาย มีชุมชนและร้านค้าสำหรับชาววีแกนในไทยอยู่พอสมควร ประเด็นสำคัญคือ หากเป็นวีแกนแล้ว คุณมีสุขภาพดีขึ้น มีความสุข ก็ย่อมเหมาะกับคุณ แต่หากเป็นวีแกนแล้ว ใช้ชีวิตลำบาก เกิดความเครียด สุขภาพมีปัญหา อาจปรับเปลี่ยนมาทานแค่มังสวิรัติก็ได้
#ikemenThailand #ikemenรองพื้นผู้ชาย #รองพื้นผู้ชาย #รองพื้นคุมมัน #MenFoundation