10 หนังเกย์ที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ
ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเกี่ยวกับเพศทางเลือกมีบทบาทสำคัญและสร้างผลกระทบในวงกว้าง ทศวรรษ 2010 เรื่องราวของ LGBTQ ดาหน้าเข้าสู่กระแสหลัก ต่อไปนี้คือ 10 ภาพยนตร์เกย์ประจำทศวรรษ ตั้งแต่ Moonlight ที่ชนะรางวัลออสการ์ ไปจนถึง Love Simon ภาพยนตร์เกย์โรแมนติกเรื่องแรกจากสตูดิโอใหญ่ ไปจนถึงภาพยนตร์ฝรั่งเศสดราม่าเรื่อง 120 Beats Per Minute ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม
10.Weekend (2011)
นักแสดง: ทอม คัลเลน, คริส นิว, โจนาธาน เรซ, ลอร่า ฟรีแมน
ก่อนจะมากำกับซีรีส์เพศทางเลือกช่อง HBO เรื่อง Looking แอนดรูว์ ไฮจ์ กำกับหนังโรแมนติกสัญชาติอังกฤษเรื่อง Weekend มาก่อน สองหนุ่ม คัลเลน และ นิว พบและมีสัมพันธ์รักหอมหวานแต่สั้นแค่สุดสัปดาห์ เพราะว่าหลังจากนั้น หนุ่มหนึ่งต้องเดินทางไปต่างประเทศ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงขานรับกึกก้องทั่วโลกหลังเปิดตัวในปี 2011 จากการเรียงร้อยความสัมพันธ์เพศเดียวที่สมจริงแบบสารคดี รวมถึงการนำเสนอความรักของเพศทางเลือกที่ปราศจากการคุกคามหรือตัดสินของโลกภายนอกซึ่งหาได้ยาก อารมณ์นอสตัลเจีย โหยหาความรักที่จู่ ๆ ก็มลายหายวับ รวมทั้ง 'อะไรหลายอย่างที่น่าจะเป็นไปได้' คือส่วนหลักที่ทำงานกับจิตใจ
9.Love,Simon (2018)
นักแสดง: Nick Robison, Jennifer Garner, Josh Duhamel, Katherine Langford, Alexandra Shipp, Jorge Lendeborg Jr, Keiynan Lonsdale
Love, Simon คือภาพยนตร์เกย์วัยรุ่นแนวรักโรแมนติกเรื่องแรกของสตูดิโอฮอลลีวูดกระแสหลัก หนังออกฉายในปี 2018 สร้างประวัติศาสตร์ ได้รับการยกย่องจากผู้ชมและนักวิจารณ์ เป็นหนังเพศทางเลือกที่ให้ความรู้สึกดี แน่นอน มีบททดสอบและความยากลำบากที่วัยรุ่นต้องเผชิญ แต่ในที่สุดมิตรภาพและความรักก็ได้รับชัยชนะ ที่สำคัญ หนังสนุกและตลก วัยรุ่นเกย์สมควรได้รับมัน
8.Pride (2014)
นักแสดง: Ben Schnetzer, Joe Gilgun, Faye Marsay, Dominic West, Andrew Scott, Freddie Fox, Chris Overton, Imelda Staunton, Jessica Gunning, Liz White, Bill Nighy, Paddy Considine, Rhodri Meilir
นี่ไม่ใช่หนังดราม่ากระตุกต่อมน้ำตา แต่เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่สร้างจากเหตุการณ์จริง และจะทำให้คุณน้ำตาไหลอย่างปลื้มปีติ เรื่องเกิดขึ้นในปี 1984 เมื่อกลุ่มนักเคลื่อนไหวเลสเบี้ยนเกย์รวมตัวกันระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการประท้วงของคนงานเหมืองในอังกฤษ เกิดเป็นแคมเปญเลส เบี้ยนและเกย์สนับสนุนคนงานเหมืองและประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น จนถือเป็นเครื่องวัดความก้าวหน้าเรื่องปัญหา LGBTQ ในสหราชอาณาจักร เป็นภาพยนตร์ที่ LGBTQ หรือผู้สนใจประวัติศาสตร์เควียร์ของอังกฤษต้องดู
7.Tangerine(2015)
นักแสดง: Kitana Kiki Rodriguez, Mya Taylor, Karren Karagulian, Mickey O'Hagan, Alla Tumanian, James Ransone
หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์เกี่ยวกับประสบการณ์ของคนข้ามเพศที่ไม่หนักเกินไป ภาพยนตร์ดราม่าคอมเมดี้เรื่องนี้อาจตอบโจทย์ Tangerine ผลิตแบบอินดี้ มีชื่อจากการถ่ายทำด้วยไอโฟน 5s 3 เครื่อง ในเวลา 8 เดือน และยังเป็นแบบอย่างสำหรับการคัดเลือกนักแสดงข้ามเพศในบทบาทข้ามเพศ โดยเป็นเรื่องราวของ “ซินดี้” สาวขายบริการทางเพศในลอสแองเจลิส ผู้ซึ่งเพิ่งออกจากคุกและได้ทราบจากเพื่อนสนิท “อเล็กซานดรา”ว่า แฟนของเธอ “เชสเตอร์” นอกใจไปมีอะไรกับหญิงแท้ เรื่องราวดำเนินโดยคู่หูที่ก๋ากั่น เฮฮาและอบอุ่นหัวใจ โดยไม่ทำให้คนข้ามเพศกลายเป็นเหยื่อ หรือบีบผู้ชมให้เห็นอกเห็นใจ ผู้กำกับ ฌอน เบเกอร์ใช้เวลาแปดเดือนบนท้องถนนกับทีมงาน ทำความรู้จักกับพื้นที่และผู้คนในละแวกนั้น Mya Taylor และ Kitana Kiki Rodriguez นำเสนอชีวิตคนขายบริการทางเพศแบบเจาะลึกและสมจริง
6.120 Beats per minute
นักแสดง: Nahuel Perez Biscayat, Arnaud Valois, Adele Haenel, Antoine Reinartz
เรื่องราวเกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส ช่วงทศวรรษ 1990 ระหว่างการต่อสู้ของกลุ่ม ACT UP สาขาปารีสซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี มีการจัดเวทีอภิปรายอย่างดุเดือด รวมทั้งการเดินขบวนประท้วง ก่อนโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของนาธาน สมาชิกใหม่ในกลุ่ม และฌอน สมาชิกรุ่นเก๋าส์ของ ACT UP ผู้ติดเชื้อเอชไอวี นำไปสู่จุดจบอันไม่อาจหลีกเลี่ยงเมื่อสุขภาพของฌอนแย่ลง ผู้กำกับ โรบิน แคมปิลโล และผู้เขียนร่วม Philippe Mangeot ต่างเป็นสมาชิกของ ACT UP ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นเรื่องราวที่ช่วยเพิ่มความเข้าใจช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์LGBTQ
5.A Fantastic Woman (2017)
นักแสดง: Daniela Vega, Francisco Reyes, Luis Gnecco, Aline Kppenheim, Nicols Saavedra
A Fantastic Woman ภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติชิลี ซึ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม Academy Awards ครั้งที่ 90 มาริน่า ตัวละครเอก รับบทโดย ดาเนียลา เวก้า เป็นนักร้อง พนักงานเสิร์ฟ และผู้หญิงข้ามเพศในเมืองซันติอาโก เมื่อออร์ลันโดแฟนที่อายุมากกว่าเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เธอต้องดิ้นรนต่อสู้ที่จะใช้ชีวิตในฐานะผู้หญิงข้ามเพศในสังคมอนุรักษ์นิยม ถูกนักสืบตามสืบสวน สูญเสียบ้านและสุนัขที่เลี้ยง เผชิญกับครอบครัวคนรักซึ่งหวาดกลัวคนข้ามเพศและถูกกระทำทารุณ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมในวงกว้าง และเป็นสื่อช่วยปลุกจิตสำนึกผ่านประสบการณ์ของคนข้ามเพศ โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหว LGBTQ ในชิลีนำไปใช้ผลักดันร่างกฎหมายเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศ ซึ่งได้รับการอนุมัติในปี 2018 ทำให้คนข้ามเพศสามารถแก้ไขชื่อและอัตลักษณ์ทางเพศได้ในเอกสารราชการ
4.The Normal Heart (2014)
นักแสดง: Mark Ruffalo, Matt Bomer, Taylor Kitsch, Jim Parsons, Julia Roberts
กำกับโดย Ryan Murphy นักเล่าเรื่องสยองขวัญ และผู้ก่อตั้ง Glee ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากบทละครที่ได้รับรางวัลของแลร์รี เครเมอร์ เรื่องราวเกิดขึ้นในนิวยอร์กปี 1980 ช่วงที่มีการเพิ่มขึ้นของเชื้อเอชไอวี ผ่านสายตาของเน็ด วีคส์ (รัฟฟาโล) ผู้ก่อตั้งกลุ่มผู้สนับสนุนด้านเอชไอวีที่มีชื่อเสียง โดดเด่นด้วยนักแสดงมีชื่อ อาทิ จูเลีย โรเบิร์ต ซึ่งรับบทแพทย์ประจำหอผู้ป่วยโรคเอดส์ แม้ไม่ใช่หนังที่ดูง่าย แต่นำเสนอสาระสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยว่าไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดอีกแล้วที่จะสามารถนำเสนอความน่าสยดสยองของวิกฤตโรคเอดส์และความอยุติธรรมที่ผู้คน LGBTQ ต้องเผชิญได้เท่ากับ The Normal Heart
3.Carol (2015)
นักแสดง: Cate Blanchett, Rooney Mara, Sarah Paulson, Jake Lacy, Kyle Chandler, John Magaro, Cory Michael Smith
นำแสดงโดย เคต แบลนเชตต์ ย้อนไปช่วงทศวรรษ 1950 ในบทสตรีที่แต่งงานแล้วและมีสัมพันธ์ต้องห้ามกับช่างภาพหญิง (มารา) จนนำไปสู่การหย่าร้างอย่างยุ่งยากลำบาก สามีซึ่งกลัวชาวรักร่วมเพศและคอยแต่หึงหวงผูกเรื่องราวบีบเค้นจิตใจคนดู ยังดีที่หลังจากทำให้ผู้ชมสะอื้นตลอดทั้งเรื่องด้วยภาพอันงดงาม การหัวใจสลายแบบเควียร์ การถ่ายทำแบบนอสตัลเจียรวมทั้งซาวด์แทร็ก ฉากสุดท้ายส่งสัญญาณบอกเราว่า ยังมีความหวังสำหรับรักโรแมนติกของชาวเพศทางเลือก แบลนเชตต์ได้รับเสียงชื่นชมจากการแสดงของเธอ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์, ลูกโลกทองคำ, บาฟตา, Critics Choice Movie Awards และ Screen Actors Guild Awards.
2.Call Me By Your Name (2017)
นักแสดง: Armie Hammer, Timothe Chalet, Michael Stuhlbarg, Amira Casar, Esther Garrel
ชั่วเวลาไม่กี่ปี Call Me By Your Name ได้กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์เกย์ซึ่งเป็นที่รักมากที่สุดตลอดกาล คำวิจารณ์ที่หนังได้รับมีเพียง ช่องว่างระหว่างวัยของตัวละคร ข้อเท็จจริงที่ว่า เรื่องเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 แต่ไม่กล่าวถึงวิกฤตโรคเอดส์ ธีมเรื่องรักแรก การอกหัก และอารมณ์รุนแรงที่วัยรุ่นเพศทางเลือกเผชิญเพื่อกลายเป็นคนที่พวกเขาควรจะเป็นนั้นดึงความรู้สึกร่วมจากผู้ชม ผู้กำกับ ลูก้า กัวดาญิโน (และแน่นอน อังเดร อาซิมัน ผู้เขียนนวนิยายต้นทาง) ได้สร้างโลกที่สวยงามราวฝันอันปราศจากอคติ อันตราย หรือความขัดแย้ง (น่าเศร้าที่ชาวเพศทางเลือกส่วนใหญ่ไม่เคยได้สัมผัส) รวมทั้งความโรแมนติกแบบเทาๆเลือนๆ ในฤดูร้อนที่จะเข้าไปอยู่ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ เป็นภาพยนตร์ที่เงียบและเอื่อยช้า แต่กลับรุนแรงรุ่มร้อนแบบที่คนดูสามารถสัมผัสได้อย่างน่าอัศจรรย์ ที่น่าประทับใจยิ่งไปกว่านั้นคือ Call Me By Your Name ได้ระเบิดเข้าสู่เข้าสู่วัฒนธรรมป๊อปกระแสหลัก ดึงดูดแฟนๆ ที่ชื่นชอบจากทุกกลุ่มทุกวัย
1.Moonlight (2016)
นักแสดง: Trevante Rhodes, Andre Holland, Naomie Harris, Janelle Mone, Mahershala Al
มูนไลท์เป็นเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านข้ามวัยของเควียร์ชายแอฟริกัน - อเมริกัน เริ่มด้วย ลิตเติ้ล ติดตามชีวิต Chiron วัย 9 ขวบ ซึ่งโตมากับแม่ที่ติดยาในย่านคนจนของไมอามี สู่ช่วงวัยรุ่นที่อึดอัดและเจ็บปวด ถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน จนถึงช่วงที่สาม Black แสดงการเปลี่ยนผ่านสู่วัยผู้ใหญ่และการบรรลุเพศวิถีภายในตนเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกยกย่องอย่างกว้างขวาง ได้รับรางวัลออสการ์สามรางวัลในปี 2017 เป็นหนังที่กระชากอารมณ์คนดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครก็ตามที่กำลังพยายามยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ โอกาสมีน้อยแสนน้อยที่เกย์ผิวดำจะได้เห็นตัวเองบนจอเงิน มูนไลท์เป็นภาพยนตร์ที่สวยงามไร้ที่ติ สมควรได้ตำแหน่งสูงสุดของรายการภาพยนตร์ที่ดีที่สุดประจำทศวรรษ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเควียร์หรือไม่
https://www.gaytimes.co.uk/culture/the-10-best-lgbtq-films-of-the-decade/
#อิเคเมนรองพื้นผู้ชาย #ikemenThailand #รองพื้นคุมมัน #รองพื้นปกปิด #รองพื้นผสมกันแดด #ปกปิดรอยสิว