คู่รักที่คบหากันจริงจัง เป็นไปได้ว่าคนใดคนหนึ่งต้องการมีเซ็กส์บ่อยกว่าอีกฝ่าย ซึ่งอาจก่อความขัดแย้งไม่สบายใจได้ ลองมาดูแนวคิดต่อไปนี้
1.สมมติว่าคุณปฏิเสธที่จะมีเซ็กส์ คนรักของคุณย่อมจะรู้สึกเจ็บปวด
ไม่ได้บอกว่าคุณไม่ควรปฏิเสธ แต่หมายถึง คุณควรเข้าใจว่าคำว่า "ไม่" ของคุณมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบทางอารมณ์ต่ออีกฝ่าย และในระดับจิตใต้สำนึก เขาอาจจะเจ็บปวดและเกิดความคิดด้านลบทำนองนี้ “บางทีเขาคงไม่ได้รักฉันจริงๆ” “ฉันมันไม่เซ็กซี่” “เขาคงเบื่อฉันแล้ว”
อาศัยการคิดใคร่ครวญ คู่ของคุณอาจทราบว่า คุณรักเขาและมองว่าเขาเซ็กซี่เสมอ แต่ทางอารมณ์นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในความสัมพันธ์ เราสามารถไปสู่จุดที่รู้สึกว่าถูกปฏิเสธและไม่ดีพอได้ นั่นคือสิ่งที่มนุษย์เป็นกัน
แต่หากคุณละเอียดอ่อนในการบอกปฏิเสธคนรัก เช่น ใช้น้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมอธิบายว่าเพราะเหตุใด คุณจึงคิดว่าคุณไม่มีอารมณ์ เสริมด้วยคำพูดที่ช่วยให้ความมั่นใจว่า คุณยังเห็นพวกเขาน่ารักและเป็นที่รักเสมอ บางครั้งการทำเช่นนี้อย่างรอบคอบก็ค่อนข้างยาก เพราะความรู้สึกผิดมักจะเข้ามาขวางทาง หากคุณปฏิเสธการมีเซ็กส์กับคนรัก คุณอาจพบว่าเกิดความคิดในแง่ลบเหล่านี้
“ถ้าฉันเป็นคู่ชีวิตที่ดีกว่านี้ ฉันต้องมีเซ็กส์กับเธอบ่อยกว่ากว่านี้สิ” “ฉันมันไม่เก่งเรื่องเซ็กส์” “ฉันทำให้เขาผิดหวังตลอด”
ลองตรวจสอบตัวเองดูว่า คุณมีความรู้สึกเหล่านี้อยู่หรือไม่ เพราะมันจะแทรกซึมเข้าไปในน้ำเสียงที่คุณใช้ขณะพูดว่า "ไม่ใช่ตอนนี้" ความรู้สึกผิดเป็นอุปสรรคขัดขวางการสื่อสารจากใจ มันไม่ช่วยคุณและไม่ช่วยคู่ของคุณด้วย เมื่อใดที่คุณทำให้ความรู้สึกผิดอ่อนกำลังลง คุณจะกลายเป็นคนที่ดีกว่า
2.พูดคุยเกี่ยวกับเซ็กส์
สิ่งสำคัญในการปรับปรุงความสัมพันธ์คือ การเรียนรู้วิธีที่จะพูดคุยเรื่องยาก ๆ ในแบบที่ทำให้พวกคุณรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นเมื่อสิ้นสุดการสนทนา เซ็กส์และความสัมพันธ์จะดีขึ้นเมื่อเราเรียนรู้ที่จะพูดถึงมัน ฟังดูอาจจะยากแต่ก็เป็นทักษะที่เรียนรู้ได้
3.สร้างสรรค์
เมื่อความรู้สึกของคุณสองคนถูกรับฟังแล้ว ก็ถึงเวลาของการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ หากคุณมุ่งแก้ปัญหาโดยตรงมันจะไม่ได้ผล คุณจะต้องฟังอย่างแท้จริงและปรับจูนอารมณ์เข้าหากันก่อน เฃื่อเถอะว่า หลังจากนั้น การแก้ปัญหาจะง่ายขึ้น และอาจถึงขั้นสนุกด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น
- การหานิยามใหม่ให้กับ “เซ็กส์”
คู่รักหลายคู่เข้าใจว่า การมีเพศสัมพันธ์ต้องมีการสอดใส่ซึ่งอาจสิ้นเปลืองพลังงาน เหตุใดเซ็กส์ถึงไม่ใช่การมองดูคู่ของคุณช่วยตัวเองล่ะ? หรือคุณช่วยเขาหรือเธอช่วยตัวเองก็ได้นี่นา? แล้วเซ็กส์โฟนแบบง่ายๆ ล่ะ?
- กำหนดตารางในการมีเซ็กส์
บางครั้งการรู้ว่าเซ็กส์จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งอาจทำให้คู่รักมีเวลาเตรียมตัวเตรียมอารมณ์ บางทีคนใดคนหนึ่งในพวกคุณอาจดูหนังโป๊ก่อนเพื่อกระตุ้นอารมณ์ก่อนเข้าสู่กิจกรรมจริง
-สามารถช่วยตัวเองได้หรือไม่?
คู่รักที่มีแรงขับทางเพศสูง มีอิสระและเวลาที่จะช่วยตัวเองหรือไม่? พวกเขาได้รับอนุญาตให้ช่วยตัวเองแบบสุดยอดไม่ใช่รีบ ๆ ลุกลี้ลุกลนหรือเปล่า? ถ้าหากไม่ ทำไมล่ะ? รู้สึกผิดใช่ไหม? ถ้าใช่ละก็ ถึงเวลาที่พวกคุณต้องเรียนรู้ที่จะพูดคุยถึงอารมณ์ด้านที่อ่อนโยนกันแล้วล่ะ
ทราบหรือไม่ว่าคู่ของคุณชอบให้ปลุกเร้าด้วยสิ่งใด?
คุณและคู่อาจต้องการสิ่งที่แตกต่างเพื่อให้เกิดอารมณ์เพศ บางคนอาจอยากฟังคำพร่ำพรอดบอกรักเพื่อจะรู้สึกเซ็กซี่ อีกคนแค่อยากให้ใครลูบหลังแบบโรแมนติก คนอื่น ๆ อาจต้องการพูดจาหยาบคาย ถ้าคุณไม่ทราบว่าคู่ของคุณเร่าร้อนขึ้นด้วยสิ่งใด ลองถามพวกเขา
สุดท้าย ความลับซึ่งที่ปรึกษาคู่รัก LGBTQ ส่วนใหญ่รู้คือ บางครั้งคู่รักมักคิดว่าคู่ของตน(โดยปกติคือผู้ชาย) ต้องการปลดปล่อยทางร่างกายผ่านเซ็กส์มากกว่าการเชื่อมโยงสัมพันธ์ จากการให้คำปรึกษา เราพบว่าผู้ชายเองก็มองหาความใกล้ชิดสนิทสนม เช่นเดียวกับการตรวจสอบว่า ตนเป็นที่ปรารถนาและรู้สึกมีคุณค่าผ่านเซ็กส์ พวกเขาอาจไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ในตอนแรก หรือไม่ทันตระหนักว่าตนรู้สึกแบบนี้ วัฒนธรรมกำชับเพศชายว่าต้องไร้อารมณ์และแข็งกร้าว ผลคือ พวกเขาหิวโหยการสัมผัส การเชื่อมต่อ และความอบอุ่นมั่นใจ ผู้ชายพูดถึงอารมณ์ใคร่เยอะมาก แต่ในความเป็นจริง เซ็กส์ซับซ้อนกว่านั้น และใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่าที่เห็น