โดยธรรมชาติของเพศชาย เมื่ออายุเข้าสู่วัย 40 ปี ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนเพศชาย(เทสโทสเตอโรน) ลดลงเฉลี่ยปีละ 1% ประกอบสาเหตุอื่น ๆ อาทิ โรคเบาหวาน ความดัน อ้วน โรคหัวใจ การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ความเครียด" ความกังวล ความกดดัน รู้สึกผิด ฯลฯ จะรบกวนจิตใจจนทำให้ความรู้สึกทางเพศลดลง จนเกิดอาการ อวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวได้ไม่เต็มที่ อย่างที่เราชอบเรียกกันว่า อาการ“นกเขาไม่ขัน” นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุบางอย่างที่หลายคนไม่ทราบ อาทิ การชอบเล่นกีฬากลางแจ้งอาจทำให้อ่อนเพลียและหมดแรง ,การนั่งหน้าจอเป็นเวลานานทำให้หมดความกระปรี้กระเปร่า หรือการนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอ่อนล้า เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ประกอบกันจนทำให้เกิดปัญหาความต้องการทางเพศลดลง หรืออวัยวะเพศชายแข็งตัวไม่เต็มที่ได้
โดยสาเหตุต่าง ๆ ที่กล่าวมา หากทราบแล้ว และพยายามหลีกเลี่ยง ลด ละ เลิก ก็จะทำให้ปัญหาบรรเทาลงไป และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศกลับคืนมาได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานหลายปี จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจและเส้นเลือดสมอง ซึ่งสัมพันธ์กับการแข็งตัวของอวัยวะเพศ และอาจนำไปสู่โรคอื่น ๆ ต่อไปอีก อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องนี้มีแนวทางแก้ไขหลายวิธี ดังนี้ :
1.รักษาด้วยยารับประทาน ฉีดยา และการให้ฮอร์โมนทดแทน
สามารถรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ โดยทำให้เลือดไหลเวียนเข้าไปสู่อวัยวะเพศชายในระหว่างมีการกระตุ้นทางเพศ ช่วยให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้ ยาเหล่านี้จะไม่ก่อให้เกิดการแข็งตัวในช่วงที่ไม่ได้มีการกระตุ้นทางเพศ แต่ต้องได้รับตามแพทย์สั่งเท่านั้น
2.การใช้กระบอกสูญญากาศเพื่อช่วยให้เกิดการแข็งตัว
หลักการทำงานของเครื่องคืออากาศจะถูกปั๊มออกจากท่อพลาสติกที่นำไปสวมไว้ที่อวัยวะเพศชาย ภายในเวลา 2-3 นาทีหลังทำการปั๊ม เลือดจะถูกดึงให้เข้าไปที่เนื้อเยื่อ เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวแล้ว นำเครื่องมือนี้ออกไป แล้วใช้ยางรัดที่โคนอวัยวะเพศ เพื่อกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าสู่ร่างกาย วิธีนี้ไม่เจ็บตัวและไม่ต้องเสี่ยงกับการใช้ยา
3.การผ่าตัด
มีทั้งผ่าตัดแก้ไขเส้นเลือดแดงหรือดำที่มีปัญหา และการผ่าตัดใส่แกนอวัยวะเพศเทียม
อย่างไรก็ตาม ทุกการรักษามีค่าใช้จ่ายและต้องใช้เวลา หากเป็นไปได้ควรดูแลสุขภาพด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ลดการดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ย่อมจะดีที่สุด
https://www.paolohospital.com/